เมนู
หมวดหมู่

หลวงพ่อจุล อิสฺสรญาโณ)วัดหงษ์ทอง

23 มี.ค. 2023

 ท่านเจ้าคุณพระวชิรสารโสภณ นามเดิม จุล พุทธชาติ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2437 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ ปีมะเมีย ที่บ้านสลกบาตร ตำบลสลกบาตร ท่าเป็นบุตรคนโตของครอบครัว บิดาชื่อ เนตร มารดา (ไม่ทราบชื่อ) น้องๆ ของท่านเจ้าคุณเป็นชายทั้งหมดรวม 4 คนคือ นายแก้ว นายกัน นายเริ่ม และนายสงบ

       เมื่อเยาว์วัยการศึกษาของท่าน เหมือนกับบุคคลทั่วไปคือ เรียนหนังสือที่วัดพออ่านออกเขียนได้ ครั้นจบชั้นประถม ก็ออกจากวัดมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ปี พ.ศ. 2458 อายุ 21 ปี ได้ไปเป็นศิษย์วัด ที่จังหวัดตาก นานถึง 2 ปี

       ปี พ.ศ. 2460 อายุ 23 ปี ได้เข้ารับการอุปสมบทเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ณ พระอุโบสถ วัดหงษ์ทอง โดยมีท่าน พระครูติธรรมสมาทาน (เลื่อน) วัดอุดมศรัทธาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังอุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดสิงคาราม แต่ก็ยังไปมาระหว่างวัดหงษ์ทองกับวัดสิงคาราม

       เมื่อบวชได้ 3 พรรา ได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ท่านพระครูติธรรมสมาทานเพื่อไปศึกษาวิชาต่อ ณ วัดบ้านแก่ง เป็นศิษย์ท่าน พระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (ทองอยู่) อ. เมือง จ. นครสวรรค์

       หลวงพ่อทองอยู่ วัดบ้านแก่ง มีกิตติคุณและชื่อเสียงว่า ท่านเป็นพระที่มีคาถาอาคมขลัง ด้านพระปริยัติธรรมท่านก็มีความรู้ดี ในแต่ละปีจะมีพระภิกษุสงฆ์จากเมืองนครสวรรค์กำแพงเพชร ไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อขอให้ท่านถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ ศิษย์ของหลวงพ่อทองอยู่บางท่านกล่าวว่า “หลวงพ่อทองอยู่ วัดบ้านแก่ง” เป็นศิษย์ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) วัดหนองโพธิ์ แต่บางท่านกล่าวว่า หลวงพ่อทองอยู่ เป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อเดิม

พระภิกษุ จุล อิสฺสรญาโณ ได้มาศึกษาในสำนักพระอาจารย์ทองอยู่หลายพรรษา ฉะนั้นวิาความรู้ต่างๆ จึงได้ไปครบทุกอย่างคือด้านคันถธุระและวิปสสนาธุระก็แตกฉานในด้านไสยศาสตร์มนต์คาถาก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาไปด้วย       กาลต่อมา เมื่อวัดหงษ์ทองว่างสมภารและจะหาพระภิกษุสงฆืที่เหมาะสมเพื่อเป็นเจ้าอาวาสก็ไม่มี มรรคทายกพร้อมด้วยชาวบ้านสลกบาตร ได้ประชุมปรึกษาหารือเพื่อจะสรรหาเจ้าอาวาสที่มีวคามสามารถมากจะได้พัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้าในที่สุดเห็นพ้องต้องกันว่า พระภิกษุจุล อิสฺสรยาโณ เป็นพระภิกษุสงฆ์ในท้องถิ่นและเคยอยู่วัดหงษ์ทองมาก่อน และมีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ฉะนั้นชาวบ้านสลกบาตรจึงพร้อมใจกันเดินทางไปนิมนต์พระภิกษุจุล อิสฺสรญาโณ จึงเดินทางมาจำพรรษา และรับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหงษ์ทองสืบต่อมา
สมณศักดิ์ และตำแหน่งหน้าที่การงานปี พ.ศ. 2478 พระฐานานุกรมของพระวิบูลย์วชิรธรรม ตำแหน่งพระใบฏีกา
ปี พ.ศ. 2480 ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระสมุห์
ปี พ.ศ. 2481 ได้รับสมณศักดิ์ ที่พระครูวิกรมวชิรสาร
ปี พ.ศ. 2502 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวชิรสารโสภณ 
หน้าที่การบริหาร ที่สำคัญ มีดังนี้ปี พ.ศ. 2470 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดหงษ์ทอง จังหวัดกำแพงเพชร
ปี พ.ศ. 2471 เจ้าคณะตำบลสลกบาตร
ปี พ.ศ. 2478 ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. 2487 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสาธารณูปการจังหวัด และเป็นกรรมการตรวจสอบนักธรรม 
ชีวิตบั้นปลายและการมรณภาพ       ท่านเจ้าคุณฯพระวชิรสารโสภณ จุล อิสฺสรญาโณ เป็นพระที่พัฒนาและสร้างสรรค์ความเจริญให้กับวัดหงษ์ทองเป็นอย่างมาก เมื่อท่านมีอายุมาก สังขารร่วงโรย หลวงพ่อได้ป่วยเป็นเบาหวานและโรคปอด ญาติและศิษย์ได้ช่วยกันนำท่านไปทำการรักษา ที่โรงพยาบาลค่ายจิระประวัติ อาการป่วยของท่านเจ้าคุณฯไม่บรรเทา ในที่สุดก็ได้ถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ 19  ตุลาคม พ.ศ. 2512 ตรงกับวันอาทิตย์สิริอายุ คำนวณ ได้ 74 ปี 51 พรรษา
  ที่มา สารานุกรมเหรียญยอดนิยม 76  จังหวัด โดย เพชร ท่าพระจันทร์