เมนู
หมวดหมู่

หลวงปู่มี ญาณมุนี

23 มี.ค. 2023

ประวัติและปฏิปทา 
พระครูญาณโศภิต (หลวงปู่มี ญาณมุนี) 

วัดญาณโศภิตวนาราม (วัดป่าสูงเนิน)
ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา 


๏ ชาติภูมิ 

“ท่านพระครูญาณโศภิต” หรือ “หลวงปู่มี ญาณมุนี” มีนามเดิมว่า มี สว่างธรรม ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๗ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะเมีย จ.ศ.๑๒๕๖ ณ บ้านสูงเนิน ตำบลสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายดี สว่างธรรม และนางมา สว่างธรรม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ มีชื่อตามลำดับดังนี้ 

(๑) นายแสง สว่างธรรม 
(๒) พระครูญาณโศภิต (หลวงปู่มี ญาณมุนี)
(๓) นายรอด สว่างธรรม 
(๔) นางแพง สว่างธรรม 

ในวัยเด็ก ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดใหญ่สูงเนิน สอบไล่ได้ชั้นประถมปีที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๘


๏ การอุปสมบท 

เมื่ออายุ ๒๐ ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๗ ณ พัทธสีมาวัดใหญ่สูงเนิน ตำบลสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย โดยมีพระครูสีหราชสมาจารมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้น วัดกลางนคร (ปัจจุบันคือ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระเทิ่ง วัดกลางนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระชื่น วัดกลางนคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ญาณมุนี” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้ปรีชาหยั่งรู้” หลังอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จำพรรษา ณ วัดใหญ่สูงเนิน 

ปี พ.ศ.๒๔๖๐ ได้ย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดดิษานุการาม (จางวางดิษฐ์) และวัดพลับพลาชัย แล้วย้ายไปอยู่วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางธรรมและบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนกระทั่งแตกฉานสามารถแปลภาษาบาลีได้ รวมทั้งมีความเข้าใจในอรรถธรรมบาลีเป็นอย่างดี ท่านเป็นผู้มีนิสัยสันโดษมักน้อย ไม่ทะเยอทะยานต่อลาภยศ และชอบบำเพ็ญสมถวิปัสสนาธุระเป็นประจำ 

ท่านได้ออกธุดงค์ติดตาม หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ไปสถานที่ต่างๆ เป็นเวลาหลายปี กล่าวได้ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นรูปหนึ่งที่เป็นสายมหานิกาย 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่มั่นได้กล่าวสอนเรื่องนิกายแก่หลวงปู่มีไว้ว่า 

“เราไม่ได้บัญญัติ เพราะธรรมดาโลกเราถือคณะนั้น คณะนี้ เมื่อท่านมาบัญญัติเสียแล้ว บรรดาเพื่อนฝูงที่เป็นสายเดียวกันก็เข้าหากันลำบาก เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ให้บัญญัติ เพื่อจะเปิดทางให้เพื่อนฝูงทั้งหลาย เข้ามาแล้วได้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง”