เมนู
หมวดหมู่

(หลวงพ่อเพิ่ม อตฺตทีโป)วัดป้อมแก้ว

23 มี.ค. 2023

พระครูประโชติธรรมวิจิตร (หลวงพ่อเพิ่ม) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบางไทร เจ้าอาวาส วัดป้อมแก้ว ต.บ้านกลึง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

นับได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งงานพัฒนาพระศาสนา ก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ ของวัด และทางปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ จนปรากฏเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกศิษย์และผู้ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อตลอดมา

ชาติภูมิ 

พระครูประโชติธรรมวิจิตร หรือ หลวงพ่อเพิ่ม อตฺตทีโป ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์เดือนมีนาคม พศ.๒๔๖๙ ตรงกับปีขาล เดือน ๔ เป็นบุตรคนที่ ๓ ของพ่อเล็ก แม่แพร บำรุงสุข ณ บ้านกลึง อำเภอบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

การศึกษา

ชีวิตวัยเยาว์ หลวงพ่อเพิ่มได้ไปศึกษาอยู่ที่แถบวัดยี่โถ โดยได้เริ่มการศึกษาเบื้องต้นที่วัดช่างเหล็กกับพี่ชาย จนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบางยี่โถเพื่อศึกษาอักขระขอมและบทสวดมนต์ต่างๆ

จนกระทั่ง ๒ ปีต่อมาเมื่อบิดาล้มป่วยลงท่านจึงได้สึกออกมาเพื่อช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ และเมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารท่านได้เป็นทหารรับใช้ชาติ อยู่ ๒ ปีครั้นพอออกจากทหารมารดาของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก ท่านจึงตัดสินใจอุปสมบท เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ ณ.วัดสีกุก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูประโชติวุฒิกร(หลวงพ่อโชติ) วัดป้อมแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ พระถาวรธรรมคุณเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูไพโรจน์ วัดเสาธง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า “อตฺตทีโป” แปลว่า “ผู้มีประทีปแห่งตน”

จากนั้นหลวงพ่อเพิ่มได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสีกุกเพื่อเล่าเรียนวิชาเป็นเวลา ๒ ปีก่อนที่จะย้ายมาอยู่วัดป้อมแก้วตามคำแนะนำของหลวงพ่อโชติและที่นี่เองท่านได้สำเร็จการศึกษาในขั้น นักธรรมเอกอีกด้วย

การศึกษาพุทธาคม

หลวงพ่อเพิ่มท่านได้หันมาสนใจศึกษาวิชาอาคมอย่างจริงจัง เมื่อครั้งย้ายมาจำพรรษาที่วัดป้อมแก้ว โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อโชติ อดีตเจ้าอาวาสในขณะนั้น ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โถ ในสายพุทธาคมของหลวงปู่ปั้น วัดพิกุล สุดยอดพระเกจิในอดีต

โดยในขั้นแรกนั้นท่านได้เริ่มจากการเขียนอักขระเลขยันต์ต่างๆ โดยที่หลวงพ่อเพิ่มท่านได้รับความไว้วางใจจากหลวงพ่อโชติให้เป็นผู้เขียนอักขระยันต์แทนหลวงพ่อโชติที่มีอายุมากและสาย ตาไม่ดี

ต่อมาก็ได้รับการมอบหมายให้ทั้งจารและปลุกเสกด้วยจนกระทั่งหลวงพ่อโชติได้มรณภาพลงหลวงพ่อเพิ่มจึงได้รับ ตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบมาโดยหลวงพ่อเพิ่มท่านได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาพัฒนาวัดป้อมแก้วให้ดีขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบัน

ปัจจุบันหลวงพ่อเพิ่มมีอายุ ๘๑ ปี มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงดีอยู่เสมอ และมักจะได้รับกิจนิมนต์นั่งปรกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลต่างๆ ตามพิธีพุทธาภิเษก ทั้งที่วัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง รวมทั้งวัตถุมงคลของวัดป้อมแก้ว ที่ท่านได้จัดสร้างขึ้นเอง ซึ่งมีออกมาเป็นระยะๆ และมีผู้ทำบุญบูชาหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้มีการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ก็ตาม

หลวงพ่อเพิ่ม นับเป็นพระสุปฏิปันโนที่น่าเคารพกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง ด้วยปฏิปทาอันเรียบง่าย สมถะ สันโดษ เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้พบเห็นอยู่เสมอ จนมีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ในการนั่งสมาธิฝักอบรมวิปัสสนากรรมฐาน มาจากพระเกจิอาจารย์ยุคก่อน อาทิ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ครูบาชุ่ม โพธิโก ครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ฯลฯ ได้ให้ข้อสังเกตว่า

ด้วยวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพิ่ม และการแสดงออกบนใบหน้าของหลวงพ่อ บ่งบอกได้ว่า ท่านเป็นผู้มีบุญบารมีสูง และได้บรรลุธรรมในระดับหนึ่ง รวมทั้งเชื่อกันว่า ท่านเป็นผู้มีพลังจิตอันสูงส่ง มีความแก่กล้าในทางวิชาอาคมอันเข้มขลัง ซึ่งตรงกับคำเล่าลือของชาวบ้านที่ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อเพิ่มทุกรุ่นที่ท่านได้ปลุกเสกเอาไว้ ล้วนมีอานุภาพความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด จนปรากฏเกียรติคุณอันโด่งดังถึงทุกวันนี้

นอกจากนี้ ชื่อของ “หลวงพ่อเพิ่ม” ยังเป็นมงคลนาม จึงเชื่อกันว่า ใครได้ทำบุญกับ “หลวงพ่อเพิ่ม” ชีวิตมีแต่ “เพิ่ม” ขึ้นในทางที่ดีเสมอไป

วัตถุมงคล

หลวงพ่อเพิ่มท่านสร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่นโดยวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ๒๕๑๗ เป็นเหรียญรุ่นแรกฉลองอายุครบ ๕ รอบ

นอกจากวัตถุมงคลหลายรูปแบบแล้วสิ่งหนึ่งที่บรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อเพิ่มเสาะแสวงหาก็คือตะกรุดนั่นเอง โดยหลวงพ่อเพิ่มท่านจะทำตะกรุดขึ้นปีละครั้งโดยท่าน ทำเฉพาะช่วงเข้าพรรษา จารเอง เสกเอง ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นดังนั้นตะกรุดที่ท่านทำจึงมีจำนวนน้อยมากสร้างขึ้นปีละไม่ถึง ๑๐๐ ดอก

สำหรับพุทธคุณของตะกรุดท่านนั้นดีเด่นด้านคงกระพันชาตรี วิธีใช้ก็คือให้ห้อยคอห้ามห้อยเอวเด็ดขาดและมีข้อห้ามคือห้ามดื่มสุราและผิดลูก ผิดเมียชาวบ้านเด็ดขาดมิฉะนั้นตะกรุดจะเสื่อมทันที