เมนู
หมวดหมู่

พระวิเชียรกวี (ฉัตร อินฺทสุวณฺโณ)วัดหนังราชวรวิหาร

23 มี.ค. 2023

 พระวิเชียรกวี (ฉัตร) ฉายา อินทสุวณโณ เป็นบุตรนายแก้ว นางเคลือบ รอดประพัทธ์ ชาติไทย ภูมิลำเนาเดิมอยู่บางประทุน ตำบลบางประทุน อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี เกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๙ เมื่อเป็นเด็กศึกษาหนังสือไทยกับบิดา จนอ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุ ๑๔ ปีไปอยู่วัดดาวคะนอง ในสำนักพระครูธีรานันทมุนี (ภู) แต่ในครั้งยังเป็นพระอันดับอยู่วัดดาวคะนอง ต่อมากระทรวงศึกษาธิการ ตั้งโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นที่วัดดาวคะนอง จึงขออนุญาตต่อครูใหญ่เข้าศึกษาวิชาภาษาไทย เฉพาะเวลาเที่ยงวันล่วงแล้วไป เพราะเวลาเช้าติดการเรียนมูลกัจจายน์ พ.ศ.๒๔๔๕ สอบไล่ได้ประโยคหนึ่ง ประถมศึกษา ครั้นแล้วลาออกจากกลับไปอยู่บ้านช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพทำสวนสืบมา


     วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๔๙ ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดราชโอรสารามท่านพระภาวนาโกศลเถร (เอี่ยม) เป็นพระอุปัชฌาย์  พระครูธีรานันทมุนี (ภู) แห่งวัดดาวคะนองแต่ครั้งยังพระอธิการ กับพระพิมลธรรม (นาค) แห่งวัดอรุณราชวารามแต่ครั้งยังเป็นพระศรีสมโพธิอยู่วัดสุทัศเทพวราราม เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ บวชแล้วพักอยู่ ณ วัดราชโอรสชั่วคราว วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๙ ไปอยู่วัดพระเชตุพน ในสำนักพระวิเชียรกวี (เชย) แต่ครั้งยังเป็นเปรียญยุคพระธรรมเจดีย์ (แก้ว) เป็นเจ้าอาวาส ภาษาบาลีนั้นเมื่อยังเป็นเคยศึกษากับบิดาบ้าง

 ครั้นบวชแล้วได้ศึกษากับพระวิเชียรกวี (เชย) แต่ท่านยังเป็นเปรียญบ้าง พระราชโมลี (บัว) พระวิสุทธิโสภณ (โพ) แห่งวัดมหรรพาราม แต่ครั้งยังอยู่วัดพระเชตุพนบ้าง นายแปลก สิริเดชธรรม แต่ครั้งยังอุปสมบทเป็นภิกษุ อยู่ ณ วัดพระเชตุพนบ้าง แต่ที่ได้ศึกษาเป็นพื้นแลนานนั้นคือ ในสำนักสมเด็จพระวันรัต (เขมจารี) แห่งวัดมหาธาตุ พ.ศ.๒๔๕๓ สอบไล่ได้บาลีประโยค ๓  พ.ศ.2455 สอบไล่ได้บาลีประโยค ๔ พ.ศ.๒๔๕๗ สอบไล่ได้ประโยค ๕

 ในรัชกาลที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๖๔ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระวิเชียรกวี ในรัชกาลที่ ๗ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ ทรงพระกรุณาโปรดให้มาอยู่ ณ วัดหนัง หลังจากท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศเถร (เอี่ยม) ภึงมรณภาพได้เพียง ๓ วัน


        ยุคแรกที่หลวงพ่อเจ้าคุณวิเชียรกวีมาครองวัดหนัง ปูชนียสถานเสนาสนะและสิ่งอุปกรณ์ของวัด ท่านเจ้าคุณ พระภาวนาโกศลเถร (เอี่ยม) ปฏิสังขรณ์ก่อสร้างขึ้นไว้ สำเร็จบริบูรณ์ดีแล้ว คอยแต่ระวังรักษาอะไรชำรุดลง เพียงเล็กน้อย ก็รีบซ่อมรีบทำเสีย ให้กลับคืนดีดังเก่า เมื่องานบูรณะปฏิสังขรณ์ ยังไม่เป็นภาระ แก่หลวงพ่อมากนัก หลวงพ่อเจ้าคุณพระวิเชียรกวี ก็เริ่มงานการศึกษา มีการเปิดสอนบาลี และนักธรรม  เป็นการวางรากฐานการศึกษา และแก้ไข ปรับปรุงระเบียบ แบบแผนกฎข้อบังคับของวัดให้เป็นที่เรียบร้อย เท่าที่ได้สำเนียก ศึกษามาแต่วัดพระเชตุพน โดยที่พระภิกษุสามเณร ทายกทายิกา ไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่ประการใด เพราะค่อยเป็นค่อยไป คุณงามความดี ในเรื่องระเบียบแบบแผนของวัดหนัง เมื่อมีผู้กล่าวถึง ก็จะต้องกล่าวถึงหลวงพ่อเจ้าคุณพระวิเชียรกวี ด้วยทุกครั้ง

หลวงพ่อเจ้าคุณพระวิเชียรกวี เป็นพระเถระที่มั่นคงในเพศสมณะจนตราบเท่าอายุขัย มีพลานุภาพทางจิตสูง เมือคิดว่าจะทำอะไรจะต้องใช้วิริยะอุตสาหะอันแรงกล้าให้งานนั้น ๆ สำเร็จสมความประสงค์


       ต่อมาหลวงพ่อได้ศึกษาค้นคว้าด้านวิปัสนาธุระ โดยได้ขึ้นวิปัสนากับอาจารย์ผู้เป็นคฤหัสถ์ผู้หนึ่ง ตามปกติของหลวงพ่อพูดจริงทำจริง เมื่อได้ขึ้นทางวิปัสนาธุระมาแล้ว กลางคืนขึ้นจำวัดประมาณ ๒๓.๐๐ น. เมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว ก็จะใช้เวลาที่ยังมิได้จำวัดนั้น ฝึกหัดนั่งวิปัสสนาธุระไปจนถึง ๐๑.๐๐ น. หรือ ๐๒.๐๐ น. ที่ทราบเวลาดังนี้ ก็เพราะคืนหนึ่งหลวงพ่อได้เรียกผู้รวบรวมประวัติ เข้าไปในห้องที่ท่านจำวัดในเวลากลางคืน ตามเวลาที่ท่านกล่าวคือ ตีหนึ่ง ตีสอง ท่านบอกว่า ท่านเป็นลม ยังจำวัดไม่หลับ ถามว่าหลวงพ่อทำไมยังไม่จำวัด หลวงพ่อบอกว่า พยายามมุ่งศึกษาวิปัสสนาธุระ โดยใช้ความเพียรตลอดมา ก็เกิดมาเป็นลมขึ้น จนกระทั่ง ต้องเรียกผู้เขียนประวัตินี้เข้าไปช่วยปฐมพยาบาล นี่เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นชัดแจ้งว่า หลวพ่อมิได้ศึกษาแต่ปริยัติ และเป็นครูสอนปริยัติแต่ด้านเดียว หลวงพ่อยังศึกษาในส่วนปฏิบัติ เพื่อให้เกิดปฏิเวธ แต่หลวงพ่อจะบำเพ็ญ ได้ถึงขั้นไหนนั้น เป็นเรื่องปัจจัตตังหลวงพ่อเท่านั้น ที่ท่านจะรู้ได้ดีว่า ท่านได้ผลมากน้อยอย่างไร

ข้อมูลอ้างอิงจาก : watnang.com